Monday, May 21, 2012

มารวยคลอดแล้วจ้า

มารวยคลอดแล้วจ้า
     เอาประสบการณ์ทำคลอดแมวมาเล่าค่ะ เมื่อหลายปีก่อนเคยช่วยแมวทำคลอดมาหนนึงละ แต่ไม่ลุ้นเท่าครั้งนี้ นั่นเพราะเจ้ามารวยเป็นแมวที่รักมาก
พวกเราที่บ้านก็ถามมารวยบ่อยๆว่าจะพองเป็นอึ่งอ่างอีกนานมั๊ย เมื่อไรจะคลอด ไม่เห็นมันตอบแฮะ แต่ปกติแมวจะตั้งท้องราวๆ 63 วันค่ะ
    พวกเราเองก็อยากนับวันนะ แต่เราไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน ฮ่าๆ
ก่อนคลอดหนึ่งวัน ป้ามารวยยังนอนแผ่อยู่เลย ท่านอนเด็ดมาก

      เช้าวันนี้จะคลอดแล้วนะ ดูหน้าว่าที่แม่เหมียว


อาการที่เราสังเกตได้คือ มันจะตั้งตาตั้งกินอาหารมากๆ แล้วจะกินแค่มื้อเดียวเท่านั้น กินแล้วจะไปนอนไม่ยุ่งกับใคร
       อ้อ มารวยไม่มีทีท่าจะหาที่คลอดเลยนะคะ เราเลยไปเอาลังมาติดเทปกาวรอบๆเพื่อความแน่นหนา หาผ้ามาปูให้พื้นลังนุ่มๆแล้วทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกที
จากนั้นก็เอามารวยเข้าไปนอน ให้มันรู้ว่ามีที่คลอดแล้วนะ อย่าแอบไปคลอดนอกบ้านล่ะ มันก็หมุนตัวสำรวจแล้วก็ไม่สนใจอีกเลย ไอ้พวกสามเหมียวก็เลยมาโดดเข้าโดดออกสนุกสนาน
สุดท้ายพ่อยกไปเก็บไว้หลังตู้
       อาการอื่นๆ คือ มารวยจะนอนหายใจแรงมาก ถ้าสังเกตที่จมูกจะเห็นเลยว่าหายใจเข้าออกแรงกว่าปกติ ท้องก็จะเห็นยุบๆพองๆชัดเจน บางทีจะทำท่าเหมือนหมาลิ้นห้อย คงเป็นอาการที่เริ่มปวดเตือนมั้ง จะเป็นแบบนี้จากนานๆทีก็เริ่มถี่ขึ้น เราสังเกตแล้วก็ตื่นเต้นไปด้วย ยังกับเป็นพ่อแมวซะเอง
จากเช้าจนเข้าช่วงเย็น เราก็ออกไปอยู่ในครัว ทำกับข้าว เก็บล้างนั่นนี่ อ้อ วันนั้นอบขนมปังอยู่ด้วยค่ะ
ระหว่างที่เฝ้าเตาอบอยู่ ก็ได้ยินมารวยร้องเรียก เวลามารวยร้องเนี่ย จะร้องเบาๆ ไม่ใช่เสียงเหมียวๆ แม้วๆ แบบนั้นนะคะ มารวยไม่ค่อยร้องเหมือนแมวบ้านอื่นและไม่ร้องเสียงดังด้วย
แอ๊ว... แอ๊ว.... มารวยเรียกเรา
"มีอะไรมารวย ออกมาจากบ้านทำไมอ่ะ หิวหรอ"
แอ๊ววว......
เดินไปลูบหัว 2 ที
มารวยทำท่ากระดกตูดให้ดู แบบว่าจะบอกว่า ม่ายด้ายหิวย่ะ ชั้นจะคลอดลูกว๊อยยยย แล้วมันก็เดินหันหลังพาท้องโย้ๆกลับเข้าบ้าน
อ้อ เพิ่งจะเข้าใจว่ามันมาเรียกให้ไปทำคลอด ให้เอาลังคลอดมาให้นั่นเอง
เราก็เลยตามเข้าไป หยิบลังคลอดมาวาง อุ้มมารวยเข้าไปตั้งท่าคลอด


จะคลอดแล้ว เบ่งๆ


เหนื่อยอ่ะ ลิ้นห้อย แฮกๆๆๆๆ



เรามีหน้าที่ลูบท้อง จับขาส่งแรงใจให้มารวยเบ่ง
ออกมาแล้วสมาชิกใหม่
ในที่สุดเกือบๆ 4 โมงครึ่ง บ้านเราก็ได้เหมียวเพิ่มมาอีกหนึ่งตัว ยังลุ้นต่อไปว่าเหลือในท้องอีกเท่าไร



เบ่งตัวต่อมา เหนื่อยแทน


มีคนมาลุ้นอีกหนึ่ง ชิกกี้นั่นเอง ยุ่งซะไม่มีอ่ะ
มองๆ ส่องๆ ไม่ยอมไปไหนเลย วนรอบกล่อง
ส่งแรงใจให้มารวย


 ู   ลูกตัวที่สองของมารวยตายค่ะ ดูจากสภาพที่ตัวเล็กๆแขนขาเล็กไม่มีขน แสดงว่าตายตั้งแต่ในท้อง แต่มารวยก็ยังกินรก เลียทำความสะอาดลูกมันจนเสร็จนะ พอมันไม่เห็นลูกร้องหรือขยับ มันก็เอาหัวมานอนทับลูกไว้
    เราเลยต้องเอาลูกมันออกมาฝังให้แทน ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันจะรู้ไหมว่าเราจิ๊กลูกมันมาแล้ว กลับไปดูอีกที เจ้าตัวที่สามกำลังจะออกมาดูโลก
เราเลยอุ้มชิกกี้ดูด้วยกัน ปากก็ร้องฮึบๆ ช่วยมารวยเบ่ง กี้นี่จ้องใหญ่เลย คงตื่นเต้นมากๆ ตัวที่สามสีเดียวกับลูกตัวแรกค่ะ เลยต้องแซวมารวยว่าไม่สร้างสรรค์สีลูกเลยนะ
       ตอนนี้มารวยดูเหนื่อยมาก เราเอาน้ำเข้าไปให้ เลียน้ำกินใหญ่เลย เสียเลือดไปเยอะนี่นา
เรื่องรกแมว เคยมีคนพูดขอเราด้วยแหละ คงจะเอาไปเป็นของขลังมั้ง แต่เราไม่ให้หรอก และไม่เก็บไว้ด้วย เคยถามหมอมา หมอบอกว่า แมวจะต้องกินรก เพราะนอกจากจะทำความสะอาดไม่ให้เหลือกลิ่นหรืออะไรก็ตามที่จะตามกลิ่นมาถึงรังคลอดมันแล้ว รกยังบำรุงตัวแม่แมว เรียกน้ำนมสำหรับแมวด้วย แล้วเราจะไปแย่งมันมาได้ยังไง จริงมั๊ย อีกอย่าง รกแมวที่เขาว่าๆกัน มันต้องเป็นรก
ที่แม่แมวเต็มใจให้ด้วย ไม่ใช่ไปจ้องแย่งมันมา เรามองแล้วก็คิดอยู่ในใจ ว่าโคดีแล้วนะมารวยที่มาอยู่บ้านเรา อิอิ
       รอไปรอมา มารวยเริ่มทำท่าจะเบ่งตัวที่สี่แล้ว ฮึ๊บบบบ ไม่ออก ฮึ๊บบบบบ โผล่มาครึ่งตัว ฮึ๊บบบบบ พรวดดดด
       แล้วมันก็ลุกย้ายตัวไปนอนอีกฝั่งของกล่อง อ้าวเฮ้ย ไม่กัดรกให้ลูกหายใจหรอ ไม่เลียลูกหรอ อะไรเนี่ยมารวย เรามองหน้ามัน มันมองหน้าเรา
แอ๊ว.... แอ๊ว.....
ทำไมมารวย จะให้ช่วยหรอ ช่วยไรหว่า....อ้อ
เราเลยรีบวิ่งไปหยิบกรรไกร แล้วตักน้ำร้อนในกระติกมาราดๆ (จะพาสเจอร์ไรซ์นะแหละ แต่จะต้มน้ำคงไม่ทัน) วิ่งกลับมา อืม มันยังไม่ยอมกินรกจริงๆด้วย
เอาล่ะนะมารวย จะตัดสายสะดือลูกมารวยแล้วนะ......ฉับ เย้ เราเป็นคนทำคลอดเจ้าตัวที่สี่นี่นะ แล้วก็ใส่ถุงมืออีกข้าง ค่อยๆดึงรกออกจากตัวมารวย ดึงรกขาวขุ่นๆออกจากตัวลูกแมว ทำอย่างเบาอ่ะ กลัวด้วย กลัวลูกแมวอันตรายด้วย ปนเปไปหมด
อ๊ะ มารวย รก กินซะ แล้วนี่ลูกเธอเลียซะ
แอ๊วววว....แอ๊ว แล้วสบตาปิ๊งๆ
ให้รกหรอ ให้ทำไม เอ้อ เอาออกมาให้แล้วกัน ถ้าไม่กินอ่ะ

กว่าจะออกมาครบสามตัว เกือบ 6 โมงเย็นแหนะ เดินเข้าเดินออกมาดูจนเหนื่อย แล้วมาจัดการลังคลอดให้มัน คือดึงกระดาษหนังสือพิมพ์ชั้นบนที่เปื้อนๆออก เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวมารวยที่เปื้อนๆด้วย มันทำตาพริ้มเชียว น่าจะกำลังขอบใจเราอยู่ในใจมัน




แล้วเรากับชิกกี้ก็นั่งดูลูกแมวดูดนมแม่ จ๊วบๆๆ น่ารักจัง ตัวยังเปียกอยู่เลยนะเนี่ย
ผ่านไป 2 ชั่วโมง ลูกแมวตัวแห้งแล้วสินะ สีเหมือนกัน 2 ตัว สีเข้ม1 ตัว ลูกใครหว่า สรุปว่าเราได้สมุนเหมียวมาเพิ่มอีก 3 ตัว ตอนนี้เป็นหนูมาลีมีลูกแมวเหมียว 7 ตัว
จะตั้งตนเป็น สโนว์(เกือบ)ไวท์ แอนด์ แมวเหมียมทั้ง 7 แล้วนะ
เราเก็บรกมารวย ไปถามคนขออ่ะว่าจะเอาไหม เล่าให้ฟังว่ามารวยมันให้นะ แต่มีอันเดียว เขาก็ลังเล คงจะติดที่มันมีอันเดียวแหละ เราเลยต้องบอกว่า ไม่เอาเราจะทิ้งนะ เราไม่อยากได้หรอก
เขาก็เลยเอาไปตากแดด ทำตามกระบวนการอะไรของเขาต่อไป เรากลับมาบ้านนั่งมองลูกมารวยดีกว่า


ผ่านมาตอนนี้ก็6 วันแล้วค่ะ เกิดวันที่ 15 พ.ค. 55
มีเรื่องขำๆจะเล่าให้ฟังด้วย
คือพอเราไปบอกแม่กับปีะว่า มารวยคลอดแล้วนะ มี 8 ตัวแหนะ ทั้งสองคนร้อง ห๊า พร้อมกันเลย เอิ๊กๆ ล้อเล่นค่า 3 ตัวตายไป 1 ตัวตอนคลอด
แม่ก็ตอบกลับมาว่า รอด3 ตีเป็นเลข 3 ตาย1 ตีเป็น 0 งั้นพรุ่งนี้ไปซื้อ 30 เลย
เอฺีกๆๆๆ แม่เรา เอาไปตีเลขซะงั้น แถมมีมาบอกมารวยด้วย ว่าถ้าถูกจะซื้อปลาดุกกับกุ้งให้โลหนึ่ง (มารวยชอบกินกุ้งมากๆๆ)
ถ้าใครเป็นคอหวยคงจะรู้แล้วใช่ไหม ว่าแม่เราถูกหวยหรือเปล่า ฮ่าๆ ถูกค่ะ ถูกกิน ซื้อ 31 หวยออกเลขท้าย 30 ก๊ากกก
ขำกันทั้งบ้าน

พ่อบอกว่า มารวยหน่ะ มันให้หวยถูกนะ คือ รอด 3 ก็เลข 3 ตาย 1 ก็เลข 1 ต้องซื้อ 31 สิ แม่ซื้อผิดเอง จริงด้วยเนอะ แม่ซื้อผิดเองจริงๆ ก๊ากก



สุดท้ายละค่ะ เราจะตั้งชื่อสามชิกใหม่ ว่า เพชร พลอย และ นิล อันนี้ชื่อเล่นนะ ชื่อจริงหรอ ก็แม่ชื่อ มารวย ลูกก็ต้องเป็น มาแว้ว มามะ และก็ มาสิจ๊ะ 55555+น่ารักมั๊ยล่ะ


  เจ้านี้ก็ชอบมานั่งมอง สงสัยคิดว่าของเล่น บางทีมาราวยไม่อยู่ ไอ้เสือมกระโดดเข้าไปกกน้องแทนด้วย มารวยก็ไม่เคยขู่อะไร ครอบครัวสุขสันต์จริงๆ



Tuesday, May 8, 2012

แก๊งค์แมวฟรี

แก๊งค์แมวฟรี

           แก๊งค์แมว3เหมียวเป็นแมวที่แม่แมวบ้านอื่นมาทิ้งไว้ให้เลี้ยงค่ะ มายกคลอก3ตัวเลย ตอนนี้ก็เริ่มโตแล้ว ก็เลยพามาทำความรู้จักเพื่อนๆสักหน่อย
           เริ่มจากตัวแรกเป็นตัวผู้ค่ะ เจ้านี้ชื่อแต้มตรูดหน้าแหลม เป็นแมวขี้บ่น ร้องเก่ง หิวร้อง อิ่มร้อง ชวนคุยได้ทั้งวัน เสียงแหลมพอๆกับหน้าเลย เป็นตัวที่เอาลงจากหลังคาตอนที่แม่มันทิ้งไว้ยากที่สุด เรียกเท่าไรก็ไม่่มาผิดกับอีก2ตัว นั่นพอเห็นว่าเราไม่ทำอันตรายก็เดินมาหาละ พ่อจะชอบเจ้าแต้มมากกว่าอีก 2 หน่อเพราะสีมันสวยและน่าแกล้ง พ่อบอกว่าให้คอยดูพอโตเจ้าแต้มจะตัวใหญ่กว่าเขาเพื่อน (ก็น่าจะจริงอ่ะ กินตลอดเวลา)



ดูเอาเองค่ะว่าทำไมชื่อแต้มตรูด 555+


ผมหล่อมั๊ยครับ


โชว์ให้ดู เนี่ยท่านอนประจำของผมเลยนะครับ


        ตัวต่อไปก็เป็นเจ้าเสือหน้ามอมค่ะ ชื่อก็มาจากสี ลาย และลักษณะมันเลย ตัวนี้หนักกว่าบรรดา2ตัวที่เหลือ ค่อนข้างเป็นแมวอินดี้มากๆ คือไม่ติดไม่อ้อนคน ถ้าไม่เล่นก็โน่นเลย บนหลังคา บนต้นไม้ หรือหลบมุมไปนอน จะหาตัวไม่ค่อยเจอ เว้นเวลากิน 


เราบอกพ่อว่าเสือต้องตัวใหญ่กว่าแต้ม พ่อไม่เชื่อแฮะ


 เสือขอนอนโชว์บ้างครับผม รูปนี้ถ่ายตั้งแต่เด็กๆค่ะ ดูพุงสิป่องเชียว


       สุดท้ายละเจ้าหมีมี่ ตัวเมียตัวเดียว สีขาวหม่นๆดูไ่ม่สะอาด เจ้านี้เป็นตัวแรกที่มีชื่อ เพราะตอนมันเด็กๆมันไปนอนท่าไหนไม่รู้โดนพ่อเหยียบเข้าก็เลยต้องพาไปหาหมอ หมอก็ถามว่าชืออะไร เราก็มองๆบอกว่าชื่อหมีค่ะ หมออมยิ้มแล้วถามว่าเพิ่งตั้งใช่มั๊ย เอิ๊กๆ


        เราไม่รู้ว่าเพราะมันเป็นตัวเมียหรือว่าเพราะเคยโดนเหยียบหัวตอนเล็กๆ ทำให้ตัวเล็กกว่าพี่น้องอย่างเห็นได้ชัด จับมานั่งเรียงกันนึกว่าคนละรุ่น หมีมี่เป็นแมวนุ่มนิ่ม ทำอะไรเบาๆดูช้าแต่ก็ดูมีมารยาท เ้ป็นแมวขี้สงสัย ชอบนั่งมองเวลาเราทำนั่นนี่ มองนานด้วย และก็ชอบโดนเสือกับแต้มทิ้งไว้ตัวเดียวบ่อยๆ เห็นแล้วสงสาร ก็จะไปลูบไปอุ้มมัน สุดท้ายเลยดูจะเป็นแมวติดคนไปละ



       เจ้า3เหมียวนี่เรื่องกินหายห่วง ทุกๆวันจะแย่งกันเข้าบ้าน พื่อมากินข้าวของชิกกี้กับมารวยที่พ่อเอามาให้ในบ้าน ไม่เกิน 5 นาที สามเหมียวฟาดเรียบ นอนเลียพุงกันสลอน ช่วงแรกๆก็เลี้ยงในบ้านค่ะ สงสารมันถ้าไว้นอกบ้านเพราะกี้กับมารวยก็อยู่ในบ้าน  แต่มันอึเลอะเทอะ เล่นกันของแตกด้วย เราเลยดุมารวย(ซะงั้น)ว่าไม่สอนเด็กๆ หลังๆมานี้มันรู้ััจักไปทำธุระในห้องน้ำเหมือนมารวยละ ปํจจุบันทั้ง 3 ตัวก็นอนในบ้านกับเรา กลางคืนคึกๆก็วิ่งไล่เหยียบหัวเราไปมา สนุกมันล่ะ


          สิ่งที่เราชอบากเวลาเ้ลี้ยงแมวรุ่นใกล้ักํนคือ เวลามันเล่นกัน ดูมีชีวิตชีวาน่ารักดี พอเหนือยก็นอนเลียขนให้กัน สิ่งที่สามเหมียวติดมากคือดูดผ้า แล้วดูดอยู่ผืนเดียวคือผ้าห่มเน่าของเรา มาแยงผ้าเราว่างั้น เล่นมาเหนื่อยๆก็มาละ นอนดูดผ้ากันจ๊วบเจี๊ยบ แล้วก็หลับ อื้ม อยากเกิดเป็นแมวบ้าง



พวกเราดูดผ้าโชว์คร๊าบบบบ
(หมีมี่หายไปไหนหว่า)


Friday, May 4, 2012

ธรรมชาติบำบัด

Natural beauty
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น โทนเนอร์มะเฟือง ครีมมะขามและผงถั่วเขียว

     วันนี้เอาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาฝากค่ะ เป็นของเสริมสวยของแขเองแหละ เกิดจากช่วงนี้ไปยืดผมมาแล้วผมแห้งมากเลย ประกอบกับรู้สึกอยากบำรุงหน้ามากกว่ามาส์กที่เคยทำลงบล๊อกไปก่อนแล้ว เลยหาข้อมูลหลายๆที่ ก็มาลงตัวที่ของ 4 อย่างนี้ค่ะ เป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น โทนเนอร์มะเฟือง ครีมมะขามและผงถั่วเขียว 
        
  • น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

     ชิ้นแรกขอเริ่มที่น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนะคะ ตัวนี้ดูเหมือนจะมีคนนำมาทานกันด้วย แต่เราขอบายค่ะ อ้วนพอแล้วไม่อยากได้ไขมันเพิ่ม เหอๆ ขอเอามาทำสวยแทนเนอะ น้ำมันมะพร้าวมีหลายยี่ห้อเลย เลือกเอาค่ะ ยี่ห้อที่เลือกนี้ชอบแพกเกจค่ะ ขวดเรียวๆ ฉลากเป็นพลาสติก ทำให้สามารถล้างขวดได้โดยฉลากไม่ยุ่ยขาด ฝาปิดก็โอเคค่ะ


          น้ำมันข้างในสีใส กลิ่นหอมมะพร้าวมาก ได้กลิ่นแล้วนึกถึงขนม-* -

       
         เวลาใช้ก็เทลงบนฝ่ามือทีละน้อย แล้วชโลมลงบนผมแห้งให้ทั่วเน้นปลายผม เว้นโคนผมไว้ 2 นิ้วค่ะ  ถ้าเปรียบเทียบกับน้ำมันมะกอกที่เคยใช้ ตัวนี้จะมันน้อยกว่าค่ะ คือรู้สึกเหมือนกระจายไม่ทั่วผมทั้งที่ใช้ปริมาณเยอะแล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใส่มากแต่ให้เราเอามือเราเนี่ยยีๆผมแทน ไม่อย่างนั้นจะเปลืองมากเลย พอชโลมทั่วแล้วให้รวบผมไว้ จะคลุมผ้าหรืออะไรก็แล้วแต่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง จึงสระออกค่ะ น้ำมันมะพร้าวนี่สระออกง่ายกว่าน้ำมันมะกอกมาก แค่ลงแชมพู 2 รอบก็มีฟองแล้ว ถ้าเป็นน้ำมันมะกอกต้องถึง 4 รอบค่ะ จัดการสระผมลงครีมนวดไปตามปกติเลย พอสระเสร็จจะรู้สึกเหมือนผมแห้งๆ (ถ้าใช้น้ำมันมะกอกจะรู้สึกว่าผมนิ่มกว่า) ไม่ต้องกลัวค่ะ พอวันรุ่งขึ้นผมจะมันเอง มันจริงๆค่ะ แต่ไม่ได้แบบมันเยิ้ม คือ จะรู้สึกว่าผมมีน้ำหนักผิดกลับตอนหลังสระเสร็จ ดังนั้นให้หลีกเลี่ยงการลงน้ำมันใส่ผมทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นผมเราจะลีบติดหัวได้ ประสบการณืหลังจากใช้อาทิตย์ละครั้งมา 2 เดือนก็พบว่า ผมแห้งน้อยลง ขาดร่วงน้อยลง เหมือนผมจะดำเสมอกันมากขึ้นด้วย ปลายผมที่เคยแตกก็มีน้อยลง(เล็มปลายที่แตกทิ้งก่อนะคะ) ผมมีน้ำหนักขึ้นเล็กน้อย ก็ปลื้มค่ะ ถึงแม้ช่วงแรกจะไม่ค่อยชินเรื่องผมมันแล้วอยากสระผมมากก็ตาม แต่ใช้ไปเรื่อยๆก็ชิน ยิ่งช่วงสงสกรานต์ที่แดดแรงๆ ก็จะหมักผมเป็นอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ผมก็ไม่เสียไม่แห้งกรอบด้วยค่ะ
        ถามว่าหมดแล้วซื้อใช้อีกไหม อันนี้คิดว่าจะใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์แทนค่ะ เพราะราคาถูกกว่า (แต่กลิ่นก็ไม่หอมเท่านะ) เพราะน้ำมันมะกอกทำให้ผมนิ่มกว่า และ หลังสระผมไม่แห้งเหมือนน้ำมันมะพร้าวค่ะ


  • โทนเนอร์มะเฟืองและผงถั่วเขียว

         2 ชิ้นนี้ได้มาเพราะเคยอ่านเจอว่า ผงถั่วเขียวลดความมันได้ดีมาก ประโยคนี้ประโยคเดียวเลยค่ะที่ทำให้ตามล่าหามาลองใช้ ฮ่าๆ ก็เพราะเป็นคนหน้ามันมาก มันเทพๆเลย ปลงแล้วว่าไม่มีผลิตภัณฑ์ไหนที่คุมมันได้มากจริงๆ จนมาลองผงถั่วเขียวนี่แหละ วิธีใช้ก็คือเทผงถั่วเขียงลวบนฝ่ามือประมาณเหรียญ5 บาทเกินนิดหน่อย แล้วเทโทนเนอร์มะเฟืองลงไป กะให้พอแฉะๆแต่ไม่เหลวมาก แล้วคนๆให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำมาล้างหน้าแบบนวดวนเป็นวงกลมด้วยปลายนิ้วจนทั่ว ล้างออกด้วยน้ำสะอาด หลังใช้ครั้งแรกพบว่า หลังล้างหน้า หน้าหายมันเลยแต่ไม่ได้แห้งนะคะ พอทิ้งไว้โดยไม่ทาครีมใดๆ 2 ชั่วโมงผ่านไป หน้ายังไม่มันเลย ดีใจมาก แต่พอครั้งหลังๆหน้าก็เริ่มมันขึ้นนิดหน่อย คงเพราะเป็นการปรับสภาพด้วย สรุปว่ารักเลยค่ะ แต่ต่อไปคิดว่าจะซื้อถั่วเขียวมาบดเอง ฮ่าๆ

   
          มาต่อที่โทนเนอร์มะเฟืองกันค่ะ ตัวนี้ซื้อมาลอง 2 ตัวด้วยกัน ในรูปข้างล่าง เขาจะขายเป็นแพ๊คคู่กับผงถั่วเขียวค่ะ ซึ่งในขวดจะเห็นว่ายังมีกากมะเฟืองอยู่เลย สีจะเข้มแต่ใสกว่าอีกยี่ห้อหนึ่ง(รูปด้านล่างถัดไป) กลิ่นผลไม้บูดเปรี้ยวๆแรงกว่านิดหน่อย


2 ชิ้นนี้ขายมาคู่กัน


นี่คืออีกขวดที่พูดถึงค่ะ จะเห็นว่าน้ำขุ่นกว่านิดหน่อย(ขวดก็ขุ่นกว่าด้วย)


น้ำมะเฟืองข้างในจะไม่มีกากค่ะ

   
       จริงๆชื่อคือโทนเนอร์มะเฟืองแต่เคยใช้แบบเทลงสำลีเอามาเช็ดหน้า รู้สึกทนกลิ่นไม่ไหว แล้วคิดว่ามันแรงไป เลยใช้ล้างหน้าดีกว่า ถ้าใครจะลองใช้ให้ลองตรงคางก่อนนะคะว่าแพ้ไหม อย่าเพิ่งใช้ทั้งหน้านะคะ แพ้ขึ้นว่าไม่คุ้มกัน
       ตัวนี้อีกเช่นกันค่ะ ว่าจะหมักใช้เองละ เพราะที่บ้านมีต้นมะเฟืองพอดี กำลังหาข้อมูลอยู่คะว่าหมักด้วยน้ำหรือแอลกอฮอล์และหมักนานเท่าไร ฮ่าๆ


  • ครีมมะขามพะเยา


         ชิ้นสุดท้ายไม่มีรูปที่ถ่ายเองค่ะ กระปุกเลอะมาก ไม่กล้าออกสื่อ 555+ เหตุที่ซื้อมาเพราะอยากลองอีกแล้วค่ะ จริงๆปกติจะทำสครับมะขามสดใช้เอง คือเอามะขามเปียกไม่มีเม็ดแต่ยังมีใยกากมะขามอยู่มาคั้นกับนมสดให้ข้นๆแล้วขัดด้วยกากใยมะขามนั่นแหละค่ะ ชอบมาก ขัดแล้วรู้สึกผิวสะอาดและกระจ่างขึ้น ในที่นี้ไม่ได้ขาวขึ้นนะคะ แต่กรดผลไม้ธรรมชาติจะผลัดผิวทำให้กระจ่างขึ้นนั่นเอง คล้ายๆขัดขี้ไคล ฮ่าๆ
         พอมาลองใช้ครีมมะขามพะเยา(พะเยาคือชฃื่อกลุ่มแม่บ้านที่ผลิตขายค่ะ) เนื้อครีมจะละเอียดและหนืดๆหน่อย บอกว่ามีส่วนผสมของมะขาม นมสด และขมิ้น ส่วนตัวคิดว่าเนื้อครีมเหมาะจะมาพอกมากกว่าขัด ถ้าจะใช้ทั่วตัวจะเปลืองสักหน่อย แต่รวมๆสะดวกดีค่ะ แต่ถ้าความชอบจะชอบแบบทำเองใช้เลยมากกว่า จะใช้ขัดตัวอาทิตย์ละครั้ง ทำมาหลายปีแล้ว ผิวที่มีปัญหาน้ำเหลืองไม่ดี ผิวไม่เนียนก็ดีขึ้นมากค่ะ รู้สึกตัวสะอาดดี ผิวเนียนกระจ่างขึ้นค่ะ
          หมดแล้วค่ะ ของที่ใช้เองลองเอง ใครเบื่อสารเคมีอยาก back to nature บ้างก็ชวนมาลองค่า ของธรรมชาติดีไม่แพ้ใครเลย คอนเฟริ์ม

Wednesday, May 2, 2012

all about my best friend : chicky the dog

all about my best friend : chicky the dog


     ในที่สุดก็มีเวลามาเขียนบล๊อกเกี่ยวกับหมาสุดที่รักสักทีนะ ก่อนอื่นก็แนะนำชิกกี้คร่าวๆค่ะ เป็นหมาน้อยตัวเล็กพันธุ์ชิเดิ้ล (ชิสุห์ + พุดเดิ้ล) ตอนนี้ก็6 ขวบเข้าไปแล้ว เพศเมีย โสด(มากกกกก) สีน้ำตาล ขนยุ่ง ฟันเหยินเหมือนแดรกคิวล่า นิสัยติดเจ้าของ ขี้อ้อน(โดยเฉพาะกับแม่เรา จะอ้อนเว่อร์ น่าถีบเบาๆ) หวงของบ้าง เห่าเก่ง เฝ้าบ้านเป็นเลิศแต่ขี้ลืม เวลาใครไปใครมาจะเห่าไม่เลิก เอกลัีกษณ์คือเห่าถอยๆ เสียงมาแต่ตัวอ่ะไม่เห็น 555+ เก่งมากเวลาอยู่ในบ้าน หมาอื่นๆต่อให้ตัวใหญ่แค่ไหนก็ต้องยอมให้กี้ พอออกนอกบ้านจะกลายเป็นหมาติ๋มๆ ติดเจ้านายไว้ก่อนปลอดภัยว่างั้น
     หน้าที่หลักของชิกกี้ คือ ตัวติดกับเรา และ นอนเฝ้าหน้าบ้าน(นอนติดกระจกประตูหน้าบ้าน เอาคอพาดลูกกรงไว้) 2 ข้อนี้คือหน้าที่หลักจริงๆที่ทำตลอดเวลา นอกนั้นก็เป็นหน่วยต้อนรับพ่อกับแม่เวลากลับบ้าน ประจบประแจงไปเรื่อย หน้าที่อื่นๆที่นานๆทำทีก็พวกเป็นหน่วยสนับสนุนหมาใหญ่เวลามันพากันไปเห่าทะเลาะกับหมาบ้านอื่น กี้จะเห่าเชียร์ให้เขาตีกันเสียงดังมาก --*
      แล้วไอ้เรื่องหน้าที่หลักที่กี้ทำได้ดีนี่แหละ ที่ทำให้เราไม่เคยแอบไปไหนได้สำเร็จสักกะที เฝ้าตลอด เราขยับกี้ขยับด้วย เดินตามมันทุกที่ที่ไป ถ้าหาเจ้านายไม่เจอมีเห่าตามหา แล้วไม่ตามใครในบ้านเลยนอกจากเราคนเดียวอีก แม่ชอบใจใหญ่บอกว่าจะได้ไม่หนีเที่ยว กรรม...เคยหนีเที่ยวซะที่ไหน  เข้าห้องน้ำยังไปเฝ้าหน้าประตูเลย เรื่องนอนไม่ต้องพูดถึง นอนด้วยกันทู๊กวัน วันไหนลืมพาขึ้นห้อง มีไปเกาประตูปลุกอีกนะ ดูมัน พอแกล้งไม่เปิด เห่าด่าเลยแหละ แสบมาก
     ทีนี้พอเราออกไปเรียนไปทำงาน หรือแค่เดินไปนอกบ้าน กลับมามันจะแสดงอาการดีใจเหมือนไม่เจอกันมาหลายปี  วิ่งสั่นหางจนตรูดแกว่ง ^^  ส่งเสียงหงิงๆ ปีนป่ายขอให้อุ้มจะได้เลียแผลบๆ ตอนช่วงที่ไปอยู่หอ เวลาโทรกลับมาบ้าน พ่อจะต้องให้คุยกับกี้ทุกครั้งไป เจ้ากี้ก็นะ ได้ยินเสียงทางโทรศัพท์จะเห่าใส่กลับมา หูแทบแตก -*- แต่เราอ่ะดีใจน้าที่มันคิดถึง
     บางทีหายไปเที่ยวกันทั้งบ้าน ทิ้งกี้เฝ้าบ้านไว้ พอกลับมาได้ยินเสียงรถเท่านั้นแหละ ส่งเสียงเห่ามาเลย ประมาณว่ารีบๆลงมาเปิดประตูเลยนะ กี้คิดถึงแล้ววว พอเห็นพ่อกับแม่ก็จะวิ่งมาประจบแสดงการต้อนรับกลับบ้านอย่า่งดี อ้่อ เขามีลำดับการต้อนรับด้วย ต้องไล่จา่กพ่อ ไปหาแม่ แล้วมาหาเราเป็นคนสุดท้าย ถ้ามีน้องชายมาด้วย ก็จะหาน้องชายเป็นคนที่ 3ก่อน ต้องลำดับนี้เท่้านั้น ถ้าวันไหนหาพ่อไม่เจอ ไม่มีทางจะไปหาแม่ วิ่งหาพ่ออยู่อย่างงั้นอ่ะ ต้องไปเฝ้าประตูรถก็บ่อยกว่าพ่อจะลงมาให้มันต้อนรับกลับบ้าน เป็นหมาที่เพี้ยนมาก ไอ้เราก็อยากแกล้งมันไง ตอนมันต้อนรับคนอื่นๆ ก็จะแอบไปซ่อน มันก็วิ่งหา  วิ่้งดูซอกนั้นซอกนี้ วิ่งมันรอบบ้าน หาจริงจังมาก ฟุดฟิดๆ ใจมันคงคิดว่า เอ๊ะ ไอ้อ้วนมันไม่ได้กลับมาหรอ กี้ได้กลิ่นมันนะ เอ๊ะ มันโดนจิ้งจกคาบไปเปล่าน้า....อ้วนอยู่หนายยยยยยยยยยยย กี้มาแล้วววววว
    ล่าสุดไปซื้อของกลับกันมา เราก็วิ่งไปซ่อน มันก็วิ่งหา พ่อก็เป็นฝ่ายบอกใบ้ ให้กี้ไปตรงนั้นตรงนี้ แม่นั่งตบมือเชียร์ จนมันเห็นเราแว๊บๆ รีบวิ่งดักเลย ไอ้เราก็ไม่ยอมสิ โดนรุมจับ เลยวิ่งหนี เ้กิดภาพคนวิ่งหนีมาเป็นวงกลม ฮามาก แม่นี่นั่งหัวเราะท้องแข็ง ส่วนเราหรอ โดนกี้งับตาตุ่มลงโทษที่แกล้งมัน
    นิสัยงับตาตุ่มไม่รู้มันเอามาจากไหน คือถ้ากี้โดนเราปล่อยไว้ไม่พามันไปด้วยไม่ว่าจะออกไปไหน ไกลใกล้ กลับมาปุ๊บมันจะตรงมางับตาตุ่มลงโทษทุกที ฟันมันก็จิ้มๆ อยากเตะเสยคางหมามาก เอิ๊กๆ แล้วยังมีนิสัยเห่าแล้วนอนขวางรถอีก คือ ช่วงหลังเราจะขี่มอไซค์ไปซื้อของบ่อยขึ้นเพราะขี่คล่องแล้ว ช่วงแรกก็พามันไปด้วย มันก็เก่งนะรู้จักนั่งรถ แต่พอถึงร้านนี่สิ ป้ากี้จะวิ่งรอบเลย หลังๆก็ไม่พาไปละขี้เกียจอุ้ม แล้วพอไม่พาไปแต่กี้ได้ยินเสียงสตาร์ทรถ จะเห่าๆๆๆๆ ถ้าออกจากบ้านมาได้ จะมานอนขวางล้อด้วย แสบมาก ไม่อุ้มไปเก็บในบ้านก็คือไม่ได้ไปไหนอ่ะ กลับมาก็ให้มันงับตาตุ่มเอาละกัน
   จริงๆพื้นฐานชิกกี้เป็นหมานิสัยดี แต่ขี้อิจฉา ประมาณหวงเจ้าของแหละ หลังๆช่วงที่ต้องเลี้ยงแมว กี้จะอาการหนักมาก ถ้าอุ้มกี้ต้องไม่มีแมว กี้จะไม่ชอบเลยถ้าเห็นแมวมานั่งตักคนในบ้าน จะต้องได้ขึ้นด้วย ของกินถ้าให้แมวก่อน กี้ไม่ว่านะ แต่ถ้าให้กี้ก่อนแล้วแมวมาดม กี้กัดทันทีเหมือนกัน พ่อก็ชอบเอาแมวมาล่อให้กี้กินข้าวมากๆอีก แง่งกันไปมาอยู่นั่นแหละกว่าจะัอิ่ม แมวก็นะไม่ได้กลัวป้ากี้เลย เห็นป้ากี้กลับชอบจะมาล้มใกล้ๆอีก ป้ากี้งี้สะดุ้งแทบไม่ทัน นิสัยเสียของป้ากี้อีกข้อคืิอ ใครทำมันเจ็บมันกัด กัดจริงๆจังๆเลย เจ้านายก็ไม่เว้น เรื่องที่กี้จะอารมณ์บูดมากคือ ตัดขนตัดเล็บ จนไม่มีใครอยากตัดให้ละ กรรมก็เป็นของเราคนเดียว หลังๆต้องขู่ว่าถ้ากัดปล่อยวัดนะ เออ มีจ๋อยแฮะ
    กิจกรรมที่ชิกกี้ชอบคือ หวีขนและเกาพุงค่ะ เรื่องหวีขนนี่เป็นอะไรที่ชอบ ชอบมากกว่าเรื่องกินอีกนะ แค่ชูหวีให้เห็นจะยิ้มเดินมาหาเลย บางทีเรียกหาแล้วไม่มา เอาหวีเคาะพื้น มาเลย ซะงั้น ส่วนการเกาพุง ถ้ากี้หงายเงิบเมื่อไรก็หมายความว่าขอให้เกาพุงให้ พอเกาก็จะกระดิกขาดิ๊กๆ ตลกเชียว พ่อจะแซวว่าชีวิตนี้กี้ไม่ขออะไรละ แค่หวีขนเกาพุงก็ตายตาหลับละเจ้ากี้
   ชือของป้ากี้ก็เยอะมาก มาจากความติงต๊องของเราเองที่เรียกชื่อตามอารมณ์ ที่จำได้ก็มีชือ ชิกกี้ ป้ากี้ ไอ้กี้ ชิกกะดุ๊บกุ๊บกิ๊บ ช๊อกกะดิ๊บชิพแชพ ก้าดั๊บ กิ๊กกี้ ช๊อกกี้ กี้ดึ่มดึ้ม (เริ่มไม่เป็นภาษาคนละ ว่ามั๊ย) ก้อนขน ผ้าขี้ริ้ว หมาเหยิน น้องแดรก(มาจากแดรกคิวล่า) ถ้าเป็นพวกน้่าๆจะเรียกกี้ว่า คนสวย (เอิ่มมม) ชื่อนี้กี้ชอบนะ ได้ยินปุ๊บควงหางปั๊บ ... ชื่อทั้งหมดที่ว่ามา กี้ตอบรับทุกชื่อด้วย จนเราเองก็งงๆว่าตกลงมันรู้แน่ใช่ไหมว่าชือมันคืออะไรเนี่ย

 

    ตอนนี้ใครที่รู้จักเรา ก็จะรู้จักชิกกี้ด้วยเสมอ(เอ๊ะ หรือว่าเพราะรู้จักชิกกี้ถึงรู้จักเจ้านายมันหว่า)  บอกแล้วว่าตัวติดกัน ยังกับแฝดอ่ะ บางทีเจอหน้าถามหาชิกกี้ก่อน เอาเข้าไป เลี้ยงมา 6 ปี สนิทและรักมาก แต่ด้วยความใกล้ชิดก็มีแหละที่เบื่อๆบ้างรำคาญบ้างประปราย จนมาเกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อกลางปีที่แล้ว ที่รู้เลยว่ารักกี้มากแค่ไหน คือ กี้ถูกรถชน เหตุเกิดจากวันนั้นอยู่บ้าน แล้วอยากทำเค้กกล้วยหอมใส่บาตรไง ก็เลยจะเดินไปฝั่งถนนตรงข้ามที่เขาขาย ตอนแรกก็จะไม่เอาชิกกี้ไปนะ แต่เปิดประตูแล้วชิกกี้ออกมาด้วยก็เลยตามเลยละกัน เดินออกมาที่รั้วบ้านยาย (รั้วใหญ่เดียวกันกับบ้าน) ดันลืมกุญแจรั้ว ก็หันหลังกลับเดินเข้าบ้าน คิดว่ากี้จะตามมา แต่พอถึงบ้าน หันไปดู อ้าว กี้ไม่ตามแฮะ ไม่เป็นไร คิดเองว่ากี้ไม่ออกนอกรั้วแน่เพราะเรายังไม่ออกไง ก็เดินๆจนถึงรั้วบ้าน ไขเสร็จ อ้าวกี้หายไปไหนหว่า เรียกก็ไม่มา มองหาก็ไม่เจอ จนคนงานก่อสร้างที่กำลังต่อเติมบ้านน้าอยู่ เขาบอกว่ามันมุดช่องรั้วตามหมาข้างบ้านไปแล้ว กรรม-*- ใจแป้วเลย คือกี้อ่ะเป็นหมาที่ร่าเริงมากเวลาได้ออกนอกบ้าน จะวิ่งๆเรียกก็ยาก แล้วก็ไม่ระวังเพราะไม่เคยเรียนรู้ว่าถนนมันอันตราย เรารีบออกไปที่ทางเดินนอกรั้วเลย เห็นกี้ยืนกับหมาข้างบ้านใกล้ๆถนนแหละ อีกเมตรเดียวก็ผิวถนนแล้ว ทำไงดี ถ้าเดินไปหา กี้จะยิ่งวิ่งหนีออกไปหาถนน ทำไงดี ใจเริ่มไม่นิ่งละ ตะโกนดุชิกกี้ กี้ก็หันมามอง แต่แทนที่จะกลับมาหา กลับหมอบตูดโด่งๆแล้วเห่าเรียกซะงั้น จะชวนเล่น เราก็ยิ่งโมโหสิ เรียกอีก มันก็เห่าตอบอีก สุดท้ายมันวิ่งตามหมาตัวอื่นจะข้ามถนน เรานี่วิ่งเลย รีบจะไปจับมัน แต่ไม่ทันอ่ะ ภาพที่เห็นคือ กี้อยู่กลางเลนแล้ว มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งชนกี้แล้วก็ลากกี้ไปอยู่ใต้ท้องรถ ภาพมันติดตามาก รถคันนั้นก็วิ่งไป ไม่แม้แต่จะเบรกหรือจอดมาดู เหลือชิกกี้นอนสลบเลือดออกปากอยู่กลางถนน เราวิ่งไปร้องไป อุ้มชิกกี้ขึ้นมาแนบอก เห็นกี้นิ่งสนิท หลับตา เลือดออกจากปาก แขนขาไม่มีแผล กี้นิ่งมาก มากจริงๆ วินาทีนั้นน้ำตาไหลมากมาย(ยังกับญาติตาย) คนแถวนั้นก็ร้องวี๊ดว๊ายกันใหญ่ มีวิ่งมาดู บางคนก็ว่ารถคันนั้น แต่เราไม่โทษเขานะ เพราะหมาเราวิ่งไปบนถนนเอง แอบเสียใจตรงที่เขาไม่เบรกหรือจอดมาดูเท่านั้น อย่างน้อยเราจะได้มีรถพากี้ไปหาหมอ ขอเท่านั้นเอง ไม่ได้อยากได้เรียกร้องอะไรทั้งนั้น
    เราอุ้มกี้มานั่งหน้่าบ้านน้าสาว มองกี้แล้วก็ร้องไห้ ตอนนั้นไม่รู้แล้วว่าจะอะไรยังไงต่อ ใจคิดไปละว่ามันตาย มันตาย และมันตาย ร้องไห้ไม่อายใครเลย คนที่มามุงก็ย้ำจริงอะไรจริงว่ามันตายแล้ว เพราะมันนิ่งไปละ 5 นาทีผ่านไปมั้ง แต่เราที่อุ้มกี้อยู่ เราสัมผัสได้นะว่าหัวใจมันยังเต้นอยู่ เราลุกขึ้น เอาไหล่ปาดน้ำตาแล้วตัดสินใจจะพากี้ไปหาหมอ แต่ไม่มีใครสักคนจะขับรถไปให้ (ก็นะไม่ใช่ธุระเขานี่เนอะ) แล้วไม่มีใครอยู่บ้านเลย ก็อุ้มกี้เข้าบ้านท่ามกลางสายตาของช่างก่อสร้างในบ้าน (เขาคงสมเพชอ่ะ) ถึงบ้านวางกี้ลงบนพื้น เดินไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดเลือดให้กี้ ปากก็พูดไปเรื่อยว่ากี้อย่าตายนะ ตายไม่ได้นะ ตาก็มีแต่น้ำตา พอเช็ดเสร็จเดินไปโทรหาพ่อ พูดไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ จนพ่อดุว่าใจเย็นๆตั้งสติมีอะไรค่อยๆพูด พ่อบอกว่ารอก่อนเดี๋ยวพ่อขับรถกลับบ้าน รออยู่ 20 นาทีได้ พ่อซิ่งมากเพราะปกติขับกลับบ้านต้องไม่ต่ำกว่า 45 นาที กลับมาก็ว่าๆๆเราว่าทำไมทำให้กี้โดนรถชน เราอ่ะยอมรับผิดทุกกรณีเลย ถ้าเราอุ้มกี้ไว้ ถ้าเราไม่ขี้เกียจจับกี้เข้าบ้าน กี้จะไม่โดนชนเลย พ่อตัดสินใจพากี้ไปโรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยมหิดล เพราะดูแล้วกี้อาการหนักกว่าที่เห็นแน่ๆ ตอนอยู่บนรถกี้ฟื้นขึ้นมาพยายามพลิกตัว เรางี้ดีใจแทบจะกรี๊ด กี้ฟื้นแล้ว มันไม่ตายแล้วนะ แต่สภาพมันก็ก็ดูรู้เลยว่าเจ็บมาก มันพยายามจะยันตัวนั่งแต่ทำไม่ได้ ดูเหมือนขาจะยันไม่ได้เลย ทั้งที่ไม่มีแผลสักแผลเดียว ถึงโรงพยาบาล ต้องทำบัตร ชั่งน้ำหนัก รอยื่นบัตร ตอนนั้นโกรธนะ คือสำหรับเจ้าของอ่ะ หมามันฉุกเฉิน จะมารอคิวเหมือนสัตว์อื่นที่มาฉีดยา มาตรวจทั่วไปไม่ได้อ่ะ แต่ก็พยายามข่มใจว่ามันคือระเบียบที่ต้องทำตาม จนพ่อทนไม่ไหว เดินไปบอกเจ้าหน้าที่อีกรอบว่า มันโดนรถชนมา ขอหมอมาดูอาการเบื้องต้นก่อนได้ไหม เจ้าหน้าที่ถึงไปตามหมอให้ ตอนนั้นรอมา30 นาทีแล้ว นานไหมล่ะ หมอมาดู ก็บอกว่าไม่ฉุกเฉินนะ เพราะมันฟื้นแล้ว ตรวจการตอบสนองก็ยังได้แค่ไม่เร็วเท่าปกติ รอไปก่อน --* โอ๊ยยย ใจเจ้าของอยากย้ายที่รักษาแล้วล่ะ เข้าใจที่หมอพูด แต่ทำใจไม่ได้ 
      รอไปอีก 20 นาที ได้คิวไปตรวจ อุ้มกี้ไปวางให้หมอดู กี้มันคงกลัวแหละ ตัวสั่นน้ำตาไหล พยายามจะกระดึ๊บมาให้ใกล้เราที่สุด หมดถามๆจับๆพลิกๆดู บอกว่าต้องเอกซเรย์ แล้วก็ให้ออกมารอ รออีก 45 นาที นานมาก มากจริงๆ สำหรับหมาที่นอนตัวสั่น น้ำตาไหล ส่งเสียงครางเบาๆด้วยความปวด ไม่มียาใดๆระงับปวดให้มันเลย เราก็กอดมันไว้ นั่งกับพื้น เอากี้วางบนเก้าอี้หน้าห้องตรวจ รอเขาเรียกเข้าห้องเอกซเรย์ พอได้คิว ก็อุ้มมันไปหน้าห้อง เจอหมาตัวใหญ่ๆ กี้คงตกใจจะพลิกตัวเข้าหาเราอีก น้ำตาเราไหลอีกละ สงสารมันมาก ความรู้สึกผิดจุกคอหอยเลย พอเข้าตรวจ พนักงานเขาต้องจัดท่าใช่ไหม แต่กี้มันไม่มีบาดแผลภายนอกเลย เขาก็เลยจับขาหลังเหยียดตึง เท่านั้นแหละ กี้รวบรวมพลังส่งเสียงแง่งจะกัดพนักงาน มันคงเจ็บมาก เขาจึงรู้ว่าขามันหัก แต่ยังไงก็ต้องเอกซเรย์ เลยให้เราเป็นคนดึง บอกว่าใจแข็งไว้นะห้ามปล่อยเด็ดขาด เฮ้อ ทรมานใจจริง รู้ว่ามันเจ็บมากแต่ก็ต้องฝืนดึงขามันให้เหยียดที่สุด ผ่านไปอีก 30 นาที หมอถึงเรียกไปฟังผล คือ สะโพกหัก 2ท่อนค่อนมาทางขาซ้าย ภายในช่องท้องไม่มีเลือดคั่ง มีแผลเล็กๆที่ขาขวาไม่ลึก การตอบสนองยังดีอยู่ ได้คิวผ่าตัดอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้านะ (นานไปไหมอ่ะ) แล้วหมอก็สวนช่องฉี่ดูว่ามีเลือดคั่งในกระเพาะปัสสาวะไหม เจาะเลือดไปดู แล้วถึงฉีดยาระงับปวดให้ รอรับยา กลับบ้าน ... เกิดคำถามมากมายสำหรับเราตอนนั้นว่ากี้มันจะอยู่ยังไง จะทนเจ็บยังไงอีก 1 อาทิตย์ ทำไมหมอเพิ่งฉีดยา ทำไมไม่ดามอะไรไว้เลย ถ้ามันขยับจะเป็นยังไง ถึงหมอจะสั่งให้เฝ้าไว้ไม่ให้ขยับ แต่เป็นไปไม่ได้หรอกที่หมา 1 ตัวจะนอนเฉยๆได้ตลอด มันไม่ใช่คนจะได้รู้ว่าอะไรทำๆได้ไม่ได้
    ระหว่างนั้น กี้ใช้ชีวิตลำบากมาก กินยากอยู่แล้วยิ่งไม่ยอมกินเลย ไม่กินก็ให้ยาไม่ได้ ต้องบังคับ มันอยากย้ายที่นอนก็ไปไม่ได้ พอพยายามขยับเราก็ต้องรีบไปจับไปช่วย เช้าก็อุ้มไปหาที่ฉี่ แล้วหมาไม่ใช่คนเนอะที่จะเข้าใจว่ามันเดินหาที่ฉี่ที่อึเองไม่ได้แล้ว มันเลยพยายามลากตัวเองไปหาที่เหมาะๆ สงสารมาก เห็นทุกทีน้ำตาไหลทุกที ทั้งฉี่ทั้งอึเลอะไปหมด ก็เอาผ้ามาเช็ดให้ ภาพที่กี้พยายามยันขาหลังเพื่อจะอึ เราก็ต้องไปยกก้นให้ นั่งดมอึหมา ฮ่าๆ พูดตอนนี้ขำนะแต่ตอนนั้นไม่เลย รู้สึกผิดตลอดเวลา
    แล้วก่อนวันนัด 1 วัน โรงพยาบาลโทรมาให้รีบพาไปผ่าตัดด่วนใน 1 ชั่วโมง ถ้าไม่ไปต้องเลื่อนไปอีก 1 สัปดาห์...เฮ้ย ไรเนี่ย มีแบบนี้ด้วย พ่อเราต้องรีบกลับมารับ รีบพากี้ไป แล้วที่แย่คือ มันควรจะอดอาหารก่อนผ่า 12 ชั่วโมง แต่นี่มันพึ่งกินข้าวกินนมไปก่อนมีสายโทรมาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น เราก็บอกหมอตรงนี้ เขาก็ดูคิดๆนะ แล้วตอบว่าคงไม่เป็นไรหรอก เฮ้ออออออออ
    ส่งกี้ให้หมอ แล้วหันหลังเดินออกมา ได้ยินเสียงหมอกับผู้ช่วยจับตัวมัน ได้ยินเสียงพูดว่า ไม่เป็นไรนะถึงมือหมอแล้ว ไม่ต้องตามเจ้าของนะ เราก็ทำใจแข็งไม่หันกลับไปมอง กลัวร้องไห้ รอไป1 ชั่วโมงครึ่ง ไม่ลุกไปไหนเลย เห็นหมาตัวแล้วตัวเล่าเข้าๆออกๆห้องผ่า เข้าใจละว่าหมอคงนัดมาพร้อมๆกันหลายๆเคสมาก ผ่ากันสนุกไปเลย
     แล้วเจ้าหน้าที่ก็อุ้มกี้ออกมาจากห้องผ่า พาไปห้องเอกซเรย์ เห็นกี้นอนหงายมา ลิ้นห้อยเชียว คงรอดแล้วล่ะกี้เอ๊ย รอไปอีก 1 ชั่วโมง พนักงานอุ้มกี้ออกจากห้องเอกซเรย์ มีเรียกเพื่อนๆมาดูฟันกี้ด้วย บางคนบอกเหมือนยักษ์ บางคนบอกเหมือนแดรกคิวล่า เขาจะรู้ไหมว่าเจ้าของไอ้แดรกคิวล่าอ่ะนั่งมองอยู่เนี่ย เราเห็นกี้ฟื้นแล้วนะ กรอกตาไปมาแต่คงขยับตัวไม่ได้ ใจมันคงกลัวแหละ ใครหว่ามารุมมันเค็มไปหมด เจ้านายอ้วนของกี้ไปไหน ทิ้งกี้ไว้กับคนแปลกหน้าได้ไง กี้เจอนะจะงับตาตุ่มลงโทษให้เข็ด
    แล้วหมอก็เรียกเราเข้าไปรับกี้ วินาทีที่หมอส่งกี้ให้ มันยังขยับไม่ได้มากเลย แต่ตามันบ่งบอกว่าดีใจที่สุดที่เห็นเรา ตาอ่ะมาหาเราแล้วแค่ตัวขยับไม่ได้ ตัวกี้เย็นมาก สั่นด้วย ที่สะโพกลงไปไม่มีขน แล้วก็มีผ้าปิดแผลผ่าไว้ตรงสะโพกซ้าย นี่กี้เป็นหมาฟูครึ่งท่อนไปแล้ว ฮ่าๆ ตลกมาก หมอก็อธิบายว่าผ่าเสริมแผ่นเหล็กที่สะโพกให้นะ แต่กระดูกหัก 2 ท่อน อีกท่อนจะรอให้มันเชื่อมเองตามธรรมชาติ ตอนนี้ก็แค่รอให้ยาหมดฤทธิ์ ต่อไปก็ดูแลอย่าให้ขยับ นัดมาตรวจ บลาๆๆๆๆ ตาเราไม่มองหน้าหมอเลย มองแต่กี้ สบตาปิ๊งๆ (อยากบอกว่า หมอหล่อมาก แต่อารมณ์นั้น อยากมองกี้ที่สุดละ แอบเสียดาย ฮาาๆ) 
    กี้ก็ใช้ชีวิตเป็นหมาฟูครึ่งท่อน  คลานกระดึ๊บๆอยู่ได้ 2 อาทิตย์เริ่มยืนได้ แต่เดินไม่ได้ หมอนัดจะทำหมันกี้ด้วย แต่พ่อไม่ให้ทำ สงสารมัน ยังไงกี้ก็ไม่ท้องแน่เพราะแถวบ้านไม่มีหมาไซค์เดียวกับกี้เลย แล้วพ่อก็ไม่พอใจตั้งแต่แรกที่พาไปรักษาด้วยแหละ สรุปหมดค่ายา ค่าผ่า ค่าตรวจไปเป็นหมื่น แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเงินเลยทั้งที่บ้านเราก็ไม่ได้รวย เพราะชิกกี้ก็คือสมาชิกคนนึงของบ้าน เหมือนแม่เคยพูดว่ากี้เป็นลูกสาวคนสุดท้องประมาณนั้น  กว่ากี้จะหาย กี้ได้ของกินของเยี่ยมจากน้าๆพี่ๆบ่อยมาก ฮ่าๆ ใครๆก็รักชิกกี้จริงๆนะ
    กี้มาเดินได้แบบลงน้ำหนักไม่เต็มขาหลังตอน 1 เดือน ขนเริ่มยาวกลับเหมือนเดิมก็เกือบๆ 4 เดือนแหนะ กว่ากี้จะกลับมากระโดดอย่างมั่นใจ จะวิ่ง จะปีนบันไดเองได้ก็เกือบปี  พวกเราก็ได้กี้ที่น่ารักกลับมา พวกเรารักและห่วงกี้มาก มากขึ้นเยอะ ไม่ยอมให้กี้เข้าใกล้ถนนอีกเลย กี้อยากไปไหนจะอุ้มไป 
  เรื่องราวของชิกกี้ก็มีประมาณนี้ค่ะ ไม่รู้ว่าคุณจะหลงรักชิกกี้ขึ้นมาบ้างไหม

Tuesday, May 1, 2012

มารวยท้องแล้วจ้า

มารวยท้องแล้วจ้า

   จากวันที่เจ้ามารวย แมวหน้าลิง หนีตามแมวหง่าวไป ตอนนี้ชัวร์แล้วค่ะ ว่าท้อง พุงโต กินเก่ง นมตั้งเต้า ใช่เลย ตอนนี้มันเลยกินแล้วนอนทั้งวัน หายซ่าส์ไปเยอะ เว้นแต่เวลาเห็นจิ้งจกนี่ โดดลืมท้องเลย
   คนที่ตื่นเต้นก็ไม่ใช่ใครค่ะ เราเอง จริงๆเคยเลี้ยงแมวแล้วมีลูกมา 2 ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ผูกพันเป็นพิเศษเพราะเลี้ยงมาแต่เด็กๆ พอมันท้องเลยรู้สึกเหมือนมีหลาน...ซะงั้น 55555+
   มารวยหวงท้องมากนะ ปกติมันก็ไม่ชอบให้ใครโดนท้องอยู่แล้ว ยิ่งตอนท้องเนี่ย ยิ่งหวงนัก ใครแตะโดนมีขู่ด้วย แต่เราก็ไม่ละความพยายาม ชอบไปลูบๆคลำๆ เอาหูไปแนบฟังลูกเหมียวอีกต่างหาก พ่อเห็นก็แซวว่าบ้า ฮ่าๆ
     อาหารการกินช่วงนี้ โด๊ปบำรุงหนักค่ะ เอาให้กินตลอดๆ มันก็ฟาดเรียบด้วยนะ ดีๆลูกๆจะได้น่ารัก อิอิ